โดย พงษธร ตันติฤทธิศักดิ์
เครือข่ายจิตตปัญญาศึกษา
คอลัมน์ ณ พรมแดนแห่งความรู้ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๒


ผมเป็นคนศูนย์ใจที่ห่วงใยความรู้สึกของคนอื่น และใส่ใจว่าคนอื่นจะรักและยอมรับผมอย่างไร จุดแข็งของการเป็นคนศูนย์ใจ อยู่ที่สามารถรับรู้ความรู้สึกอย่างละเอียดอ่อนได้ดี แต่จุดอ่อนคือ ผมจะจมและหลงไปกับอารมณ์และความรู้สึกได้ง่าย ด้วยความเป็นคนศูนย์ใจ ทำให้การค้นหาความหมายของชีวิต หรือตั้งคำถามชีวิต หลายๆ ครั้งมักเกี่ยวข้องกับ “ความรัก”

นอกจากนี้ ผมมักจะมีแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ นับตั้งแต่วัยรุ่นแรกเริ่มก็เข้าร้านหนังสือ วนเวียนอยู่กับชั้นหนังสือจำพวกปรับปรุงตนเอง (How-To/Self Improvement) วัยรุ่นตอนปลายก็เข้าร่วมกลุ่มชมรมที่มุ่งพัฒนาตนเองหลายกลุ่ม ไปจนถึงบวชเป็นพระอยู่หนึ่งพรรษา แล้วมาเรียนปริญญาเอกทำวิจัยเรื่องการพัฒนาจิต และทำงานด้านจิตตปัญญาศึกษาและการเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง

จนถึงขณะนี้ ผมและภรรยา กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ได้ร่วมกันก่อตั้ง “สถาบันปลูกรักเพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิตและการทำงาน” (www.plukrakinstitute.com) เพื่อจัดอบรม ให้คำปรึกษา และสร้างการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับ “ความรัก” และ “การพัฒนาจิต” ให้เกิดขึ้นในปัจเจกบุคคล องค์กร และสังคม

สิ่งนี้นับเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญที่จะทำให้ผมได้สานต่อการค้นหาทั้งสองเรื่องไปพร้อมกัน โดยเรียนรู้ “ความรัก” ให้จบสิ้นดินฟ้ามหาสมุทร และฝึกฝน “พัฒนาจิต” อย่างรอบด้านจนเกิดปัญญาสมบูรณ์ และผมก็มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่า องค์ความรู้ที่เราได้รวบรวมกันจะได้รับการแบ่งปัน และร่วมสร้างสังคมแห่งความรักและปัญญาไปด้วยกันกับทุกท่าน

ในช่วงที่เรากำลังก่อตั้งสถาบัน คุณจารุประภา วะสี และคุณสมสิทธิ์ อัสดรนิธิ พิธีกรรายการวิทยุ “สร้างจิตรู้ สู่จิตรัก” ทางคลื่นวิทยุไทย ความถี่ 105 MHz ก็ได้ติดต่อเชิญผมเข้ามาเป็นแขกประจำของรายการ ผมจึงเกิดความคิดว่า น่าจะได้พูดออกอากาศในซีรีส์ “ความรักกับการเติบโตทางจิต” เสียเลย เพื่อสื่อสารสิ่งที่พวกเราในสถาบันปลูกรักฯ กำลังร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน

ตอนที่หนึ่งผมได้เล่าถึงความรัก ๕ ระดับของมนุษย์ มนุษย์ค้นพบความรักครั้งแรกในชีวิตในความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับแม่ เมื่อมนุษย์ตัวน้อยคนนั้นมีจิตรับรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่แม่เท่านั้น แต่มีคนอื่นในครอบครัวอีก และความรักก็สามารถขยายเติบใหญ่ ไปสู่คนอื่นๆในครอบครัว เมื่อมนุษย์คนเดียวกันเติบโตต่อไป รู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้น แต่มีเพื่อนต่างครอบครัวด้วย ความรักจึงขยายใหญ่ขึ้นไปสู่เพื่อนต่างครอบครัวได้ เช่นเดียวกันเมื่อมนุษย์มีจิตที่เติบโตขยายใหญ่ขึ้นไปอีก จึงได้รู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่เพื่อนร่วมก๊วนของเขาเท่านั้น แต่ยังมีคนอื่นๆ ในสังคม ชุมชน หรือองค์กรที่เขาเป็นสมาชิกด้วย ความรักของเขาและเธอจึงขยายใหญ่กว้างขวาง

ตราบจนมนุษย์ผู้นั้นได้เรียนรู้อีกว่า โลกนี้ไม่ได้มีแต่คนในสังคมที่เขาอาศัยอยู่เท่านั้น แต่ยังมีคนนอกสังคม เป็นเพื่อนร่วมมนุษยชาติ ที่แม้จะมีความคิด ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อและวัฒนธรรมของเขา แต่แก่นแท้แล้วเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน ความรักที่ให้เพียงแก่คนกลุ่มก้อนความเชื่อเดียวกัน จึงมีโอกาสขยายข้ามพรมแดนวัฒนธรรมความเชื่อ จากสังคมหนึ่งไปสู่อีกสังคมหนึ่ง เป็นความรักเพื่อนมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่

ผมเชื่อว่า สังคมไทยกำลังต้องการความรักขนาดใหญ่ในระดับนี้อย่างมาก เพราะความรักเช่นนี้เอง จึงจะพาคนไทยข้ามพรมแดนสีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว และสีอื่นๆ ที่ผุดขึ้นมาตามๆ กันในสังคมไทย

ยัง ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้! มนุษย์ยังขยายความรักออกไปได้อีก

แต่ก่อนจะเล่าต่อ ผมอยากกลับไปพูดถึงความรักครั้งแรกของมนุษย์ ที่ไม่ใช่รักปิ๊งปั๊งปุบปับของหญิงสาวชายหนุ่ม แต่เป็นรักของลูกกับแม่ แม้ว่าโลกที่มีแต่แม่เท่านั้นจะมีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับโลกที่มีทั้งมนุษยชาติ แต่ความรักที่มนุษย์คนหนึ่งได้มอบให้กับแม่ผู้ให้กำเนิดจะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้มนุษย์ขยายความรักของเขาออกไปสู่คนอื่นๆ

เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง ความรักแม่ก็เป็นฐานให้กับความรักอีกสี่ระดับที่สูงใหญ่ขึ้นไป ความรักครอบครัวเป็นฐานให้กับความรักอีกสามระดับที่สูงใหญ่ขึ้นไป ความรักเพื่อนเป็นฐานให้กับความรักอีกสองระดับ และความรักสังคมเป็นก็ฐานให้กับความรักมนุษยชาติ หากวัดกันที่มุมมอง “ความเป็นฐาน” ความรักแม่มาเป็นอันดับหนึ่งนะครับ แต่หากวัดกันที่ “ความใหญ่” (ในที่นี้หมายถึงจำนวนคน) ความรักมนุษยชาติก็มาเป็นอันดับหนึ่ง

ความรักมนุษยชาติเป็นฐานให้กับความรักที่ใหญ่ขึ้นไปอีกระดับ (ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเติบโตทางจิตของมนุษย์) ความรักใหญ่ที่สุดที่มนุษย์หนึ่งคนสามารถมีได้ คือความรักระดับจักรวาล ความรักนี้เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์รู้ว่า โลกนี้ไม่ได้มีแต่มนุษย์ด้วยกันเท่านั้น ยังมีสัตว์ พืช ป่าเขา โมเลกุล อะตอม ดวงดาว ฯลฯ ความรักระดับจักรวาลจึงใหญ่กว้างขวาง ครอบคลุมสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั่วทั้งจักรวาล

เนื่องด้วยจักรวาลนี้เป็นจักรวาลแห่งการผุดเกิดสิ่งใหม่อยู่เสมอ กล่าวคือธาตุขันธ์ต่างๆ ของจักรวาลที่กำลังวิวัฒน์ คลี่ขยายและม้วนซ่อน สร้างสัตว์ผุดเกิดใหม่ มนุษย์ใหม่ โลกใหม่ จักรวาลใหม่ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความรักระดับจักรวาลจึงเป็นความรักที่ให้พื้นที่สำหรับการเกิดสิ่งใหม่ โอบอุ้มและต้อนรับสิ่งใหม่

ท่านมีโอกาสจะได้เรียนรู้และมีความรักให้กับสิ่งผุดเกิดใหม่ได้อยู่เสมอในชีวิตประจำวัน หากท่านเป็นพ่อแม่ ลูกจะเป็นตัวแทนที่ดีของการเกิดสิ่งใหม่ เพราะแม้ว่าท่านจะสอนลูกมาเองกับมือ เขาก็จะเติบโตออกไปเป็นสิ่งใหม่ที่ท่านไม่เคยสอนมาก่อน หากท่านเป็นผู้ใหญ่ ขอให้เปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์งานใหม่ๆที่ท่านไม่เคยคุ้นมาก่อน ไม่ว่าท่านจะเป็นใครอยู่ในตำแหน่งใด ลดการเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพิ่มการช่วยเหลือบริการคนอื่น อนุรักษ์โลกและธรรมชาติ รักสรรพสัตว์เหมือนลูกเหมือนหลาน เหมือนพ่อเหมือนแม่ ท่านก็จะพบว่าท่านกำลังกลายเป็นคนใหม่ และสามารถรักตัวเองที่เป็นคนใหม่ได้อย่างเต็มหัวใจ

ตลอดเส้นทางของการเติบโตทางจิต มนุษย์นั้นสามารถตระหนักและรับรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้นตามลำดับ แต่เราจะเรียกว่ามนุษย์ผู้นั้นเติบโตอย่างแท้จริงได้หรือไม่ คำตอบอยู่ที่ความรักเท่านั้น เพราะแม้ว่าจะเขาจะรับรู้ได้ถึงอะไรต่างๆมากมาย แต่ถ้าเขารักเพียงแค่ตัวเอง...โลกนี้จะเป็นอย่างไร จักรวาลนี้จะเป็นอย่างไร

ผมเสียดายที่ไม่ได้พูดถึงประเด็นความรักระดับจักรวาลมากนัก ในรายการวิทยุตอนนั้น จึงถือโอกาสมาเขียนไว้เพิ่มเติมที่ตรงนี้ และขอทิ้งท้ายด้วยคำถามใคร่ครวญไว้ ดังที่พูดในรายการวันนั้นเช่นกันว่า “ในฐานะมนุษย์หนึ่งคน ท่านมีความรักยิ่งใหญ่เพียงไร”

0 Comments:

Post a Comment



Newer Post Older Post Home