โดย ธีระพล เต็มอุดม เครือข่ายจิตตปัญญาศึกษา ContemplativeEducation@yahoo.com
คอลัมน์ ณ พรมแดนแห่งความรู้ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๙
-----------------------

หลังจากตัดสินใจชั่วครู่ เขาก็หยิบสมุดวาดเขียนเล่มโต รวบพู่กันและกล่องสีน้ำใส่ลงถุงผ้า แล้วเดินทางออกจากมหานครในยามฟ้าสาง เขาขับรถราวกับไร้จุดหมายที่แน่ชัด เพียงปล่อยให้ร่างกายบังคับพาหนะวิ่งไปตามทาง รักษาระดับความเร็ว ตามติดยวดยานนานาชนิดที่อยู่เบื้องหน้า ให้ทางและหลบหลีกรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงกว่า ประสาทสัมผัสในกายถูกนำมาใช้เพียงส่วนน้อยเพื่อการนี้

สิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาตอนนี้ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง ไม่ใช่การเฝ้าระวังสังเกตป้ายบอกทางดังเช่นเพื่อนร่วมทางคันอื่น เขากลับนึกถึงงานจำนวนมากในตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บางงานก่อปัญหาจุกจิกไม่รู้จบ ลูกค้าบางคนร้องเรียนถึงปัญหาที่ไม่คาดคิด ผิวจราจรที่ยังว่าง ทัศนวิสัยบนท้องถนนที่ค่อนข้างโล่ง ถูกถมลงด้วยตัวเลข วิธีการจัดการปัญหาและการกระจายมอบหมายงาน พื้นที่ว่างเหล่านั้นถูกใส่งานไปจนเต็ม

ตลอดสองชั่วโมงเศษของการขับรถมายังบ้านพักตากอากาศ เขาใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการทำงานนอกสถานที่ แค่เปลี่ยนจากการคิดที่โต๊ะทำงานมาเป็นการคิดในยานพาหนะเท่านั้น บางช่วงเขานึกเสียดายที่ไม่ได้คว้าเครื่องคิดเลขมาวางไว้ใกล้ตัว ตอนตัวเลขโผล่แวบขึ้นมาในหัวเลยไม่ทันบันทึก หรือเอาไปคิดต่อได้

การขับรถกลายเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ขวางไม่ให้ทำงานได้สำเร็จ

ที่สุดกว่าจะยอมรับได้ว่าไม่สามารถใช้ความคิดหาข้อสรุปให้แก่งาน ต่อเมื่อเขาเดินทางมาถึงที่หมายริมชายทะเลแล้ว ระหว่างหอบหิ้วสัมภาระลงจากรถ เขาก็หักใจไม่คิด แต่อดหงุดหงิดรำคาญไม่ได้

เขาเลือกการเดินทางครั้งนี้ เพื่อใช้งานอดิเรกเป็นเครื่องมือผ่อนคลายความเครียดจากงาน ประมาณว่าย้ายสถานที่หาอะไรอย่างอื่นทำน่าจะดีกว่าทนทำงานบนโต๊ะต่อไปที่รังแต่จะสร้างความกดดันและบีบคั้นมากขึ้น

ทันทีที่วางกระเป๋า สองมือก็คว้าสมุดและอุปกรณ์ สองเท้าย่างไปบนทราย สองตามองหาร่มไม้ทำเลเหมาะ หวังว่างานอดิเรกที่เรื้อร้างมานานจะช่วยขับไล่บรรยากาศเครียดเขม็งในใจ จะช่วยเปิดไปสู่ความผ่อนคลาย ให้สมกับภาพฟ้าสีคราม และผืนแผ่นน้ำสะท้อนล้อกันและกันไปจนสุดสายตา

พลันที่กางสมุดออก กระดาษปอนด์สีขาวทั้งด้านซ้ายและขวาปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาก็มองเห็นภาพภูมิทัศน์นี้ถูกย่นย่อลงบนกระดาษ เขามีความรู้ว่าควรจะใช้สีน้ำเงินอ่อนเข้มมากน้อยอย่างไรเพื่อให้ใกล้เคียงกับฟ้าครามของน้ำทะเลลึก หรือฟ้าอมเขียวของผิวทะเลใกล้ฝั่ง มือของเขาก็เคยแต่งแต้มแผ่นกระดาษให้เต็มไปด้วยสีสันมาแล้วหลายครั้ง สิ่งที่ต้องทำต่อไปมีเพียงเฝ้ามอง จับสังเกต ถ่ายทอดระบายลงสมุดภาพ

ทว่าคลื่นที่ทยอยซัดสู่ฝั่งยังไม่ช่วยปลดปล่อยเขาออกจากงานประจำได้ เขามองน้ำทะเลพยายามจับลักษณะเด่นเพื่อวาดภาพให้ออกมาสวย ใช้ก้านพู่กันกะระยะให้ดี เริ่มขมวดคิ้วเมื่อผลงานไม่เป็นดังใจหวัง และแล้วเขากลับเห็นปัญหาจุกจิกในงานม้วนพันมากับยอดคลื่นตรงหน้า เห็นข้อร้องเรียนของลูกค้าอยู่ในเกลียวคลื่นแล้วกระจายออกเป็นฟองรำคาญนับร้อย พริบตานั้นเหมือนโลกตรงหน้าไม่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าอยู่ ณ พิกัดไหนเขายังคงเห็นแต่ปัญหาเดิมและรับรู้ว่ามีงานอันน่าหนักใจตามไปไม่รู้จบ งานอดิเรกเกือบจะกลายเป็นอีกหนึ่งภาระกดทับ

เขาถอนใจ วางความรู้เรื่ององค์ประกอบศิลป์และหลักการใช้สีลง เลิกพยายามวาดภาพให้สมจริงหรือสวยงาม ปล่อยให้มือและหัวใจละเลงสีตามแต่จะเป็นไป สายตาเขาจับจ้องไปตามคลื่นแต่ละระลอก คลื่นใหญ่น้อยค่อยนำเขาสู่ฝั่ง พากระทบทรายชายหาดครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเขาเริ่มรับรู้ถึงน้ำทะเลที่แตกกระจาย ซึมลงผิวทรายไหลผ่านระหว่างอณูทรายแต่ละเม็ด ใจเขาก็ค่อยออกห่างจากความคิดในงานทั้งหมด และรู้สึกถึงความสงบที่เริ่มเกิดขึ้นในใจ

ความจดจ่อในใจยามนี้มีแต่ทราย น้ำและฟ้าตรงหน้า เขาสะท้อนมันออกมาเป็นเส้นสีพลิ้วไหวทั่วแผ่นกระดาษ เมื่อสภาพความสงบแผ่ขยายพื้นที่ในใจ ในหัวกลับไม่มีความคิดหลายเรื่องแกว่งกระทบกันไปมาเหมือนช่วงเช้า ในสภาพนี้ เขารู้สึกโปร่งโล่งเบาสบาย ไม่เพียงแต่ผ่อนคลายจากความเครียดความกดดัน หากเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าต้นเหตุความเครียดเหล่านั้นมีความสำคัญต่อเขาเพียงนั้นได้อย่างไร

หลายเรื่องที่วนเวียนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เช้าดูจะเบาบางลง ปัญหาที่เคยซับซ้อนจนไม่รู้ว่าจะเริ่มแก้จากจุดไหนก่อน ก็ดูมีความเป็นไปได้มากขึ้น ข้อร้องเรียนของลูกค้าที่ดูร้ายแรงสาหัสก็พอจะเห็นว่ายังมีหนทางเจรจากันได้

มองย้อนกลับไปตั้งแต่รุ่งเช้า เขาได้บทเรียนว่าการหลบออกมาทำงานอดิเรกไม่ช่วยแก้เครียด เพราะเขาเกือบทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของความเครียดไป สภาพนั้นเกิดขึ้นเมื่อเขาพยายามกะเกณฑ์และจับทุกอย่างใส่ตามที่อยากเห็นอยากให้เป็น ครั้นพอใจสงบลง เริ่มว่างออกจากการคิดจัดการ เมื่อใจวางทุกอย่างลงได้ ทุกเรื่องก็ดูเป็นของง่ายขึ้น ความใสกระจ่างของใจช่วยให้คำตอบต่อทุกคำถาม

แน่นอนว่างานยุ่งเหยิงยังรอเขาสะสาง แต่จะไม่ยุ่งไปกว่าเดิมและจะไม่มีแรงกดหนักระดับเดิมอีก การที่เขาอยู่กลางวงล้อมของปัญหา ทุกเรื่องใหญ่น้อยเป็นคลื่นโถมเข้าใส่ไม่หยุด ตลอดหลายชั่วโมงนั้น หัวใจและความคิดของเขาไม่นิ่ง แต่แกว่งไปตามแรงปะทะของงาน ความรู้เป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่เขาใช้รับมือกับคลื่นปัญหาที่ดาหน้ามาไม่หยุด กระทั่งวิธีหันหลังให้ก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะใจยังรับเอาความแรงของคลื่นนั้นไว้

ต่อเมื่อระลอกคลื่นของทะเลพาให้ใจสงบลง กระจ่างใจพอได้มองเรื่องเดิม มองห่างออกจากวงล้อมของปัญหาเดิม จึงได้พบว่าธรรมชาติและงานวาดไม่เพียงคลายเครียด แต่เป็นอีกความรู้หนึ่งซึ่งช่วยให้เขาเข้าถึง เข้าใจและรับมือกับปัญหาได้เช่นกัน

0 Comments:

Post a Comment



Newer Post Older Post Home