โดย ชลลดา ทองทวี เครือข่ายจิตตปัญญาศึกษา
ContemplativeEducation@yahoo.com
คอลัมน์ ณ พรมแดนแห่งความรู้ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙
----------------------------------------
งานอาสาสมัคร เป็นงานของ “การให้” แต่ในการให้นั้น “ผู้ให้” ได้กลายเป็น “ผู้รับ” ที่ได้เรียนรู้มากมายไปด้วย

ในสภาวการณ์ที่ต้องการการเสียสละแรงกายแรงใจของอาสาสมัคร สิ่งแรกที่อาสาสมัครได้รับจากการไปช่วยเหลือผู้อื่น คือ ได้เห็นประโยชน์ของศักยภาพที่ตนเองมี

ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนพูดจาเสียงดัง เอะอะโวยวาย ดูจะเป็นคนมีบุคลิกภาพไม่เรียบร้อยในสายตาของคนส่วนใหญ่ แต่ในสภาวะวิกฤตช่วงสึนามิ ซึ่งมีการขนข้าวของไปบริจาคช่วยเหลือผู้คน มีรถเข้าออกจำนวนมาก บุคลิกภาพของเขากลายเป็นคุณลักษณะที่เป็นประโยชน์ และเป็นที่ต้องการ เขาได้ทำงานอาสาสมัครโบกรถ ช่วยจัดการการจราจรให้เป็นไปอย่างราบรื่นอยู่หลายสัปดาห์ และได้ภูมิใจในศักยภาพของตนเองในข้อนี้เป็นอย่างยิ่ง

อาสาสมัครคนอื่นๆ ที่ได้ทำงานร่วมกับเขา ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับและเคารพความแตกต่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทุกคนดูแลเอาใจใส่เขา และไม่ขึ้งโกรธที่เขาพูดเสียงเหมือนตะโกนหรือตะคอกอยู่ตลอดเวลา วิกฤตปัญหาที่รุนแรงทำให้ทุกคนทะนุถนอม ตระหนักเห็นคุณค่าของกันและกัน เพราะรู้ดีว่า คนๆ เดียวไม่สามารถจะแก้ไขวิกฤตปัญหาที่เป็นวงกว้างและซับซ้อนได้ หากขาดใครคนใดคนหนึ่งไป งานของคนที่เหลือ ก็จะหนักขึ้น ยิ่งมีคนมากเท่าไร หลากหลายเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกยึดถือตัวตน อยากจะทำงานคนเดียว หรือความเป็นปัจเจกชนดูจะหายไปในสภาวการณ์เช่นนี้
อาสาสมัคร ยังได้เรียนรู้ที่จะมีความสุขจากการ “ให้” เป็นความสุขที่ผู้ให้ต้องขอบคุณผู้รับ ที่เปิดโอกาสให้เขาได้ช่วยเหลือ และได้สัมผัสกับการได้รักผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นความสุขจากการที่ได้ขยายจิตเล็กของปัจเจกบุคคล ไปสู่จิตใหญ่ของการเชื่อมโยงเป็นองค์รวมของสรรพชีวิต

นักศึกษาด้านวิศวกรรมสองคนโบกรถไปยังพื้นที่ห่างไกลในภาคใต้ที่ประสบภัยสึนามิ เพราะคาดเดาว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีคนไปช่วยเหลือน้อย พวกเขาได้มีโอกาสทำงานอาสาสมัครช่วยเหลือในการชันสูตรพลิกศพอยู่เป็นสัปดาห์ ต้องตื่นแต่เช้าและนอนดึกถึงตีหนึ่งตีสอง โดยไม่มีนักข่าวหรือผู้คนให้ความสนใจ การให้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนของพวกเขาเป็นพรอันประเสริฐแก่เขาเองอยู่แล้วในตัว.. เด็กหนุ่มทั้งสองคนเล่าอยู่เสมอว่า รู้สึกขอบคุณเหตุการณ์ที่แม้จะยากลำบากและเศร้าสลด แต่เพราะเป็นโอกาสให้เขาได้ไปทำงานอาสาสมัครตรงนั้นและได้รับประสบการณ์หล่อเลี้ยงและเติมเต็มให้พลังแก่ชีวิต ดูเหมือนว่า “ผู้ให้” จะเป็นหนี้บุญคุณของสถานการณ์ และของผู้รับ ด้วยเช่นกัน

งานอาสาสมัคร ยังเป็นงานที่สัมผัสกับความทุกข์ยากของโลกและสังคมโดยตรง การได้สัมผัสกับความทุกข์อย่างลึกซึ้งเช่นนี้ ช่วยขยายมุมมองของอาสาสมัครให้เข้าใจความจริงของชีวิตได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ปัญหามากหลายที่ตนเองแบกอยู่ ก็ดูจะเล็กลงไปถนัดตา และบางครั้ง ถึงขั้นที่หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ น้องนักศึกษาหลายคนที่เคยเป็นเด็กเรียนและมุ่งหวังเกียรตินิยม ยอมขาดเรียนไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงสึนามิ โดยให้เหตุผลว่า ถึงจะขาดเรียนไปทำให้ได้เกรด F ในวิชานั้น แต่ภาคการศึกษาหน้าก็ยังลงเรียนซ่อมเสริมได้อีก แต่ความทุกข์ยากของผู้ประสบภัยที่เห็นอยู่เบื้องหน้า เป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็นที่ผัดผ่อนรอช้าไม่ได้ อาสาสมัครหลายคนได้เรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นภายใน เข้าใจความหมายของชีวิตในมุมมองที่กว้างขวางขึ้น โดยหลอมรวมเอาคนอื่นเข้าไว้ในเส้นทางการเดินทางของชีวิตตนมากยิ่งขึ้น จากการได้เป็นผู้ให้

งานอาสาสมัคร จึงเป็นงานที่มีลักษณะเฉพาะตัวประการหนึ่ง คือ เป็นผู้ให้ ในขณะเดียวกันก็ได้เป็นผู้รับ และได้เรียนรู้ พัฒนาขัดเกลาภายในเป็นอย่างยิ่ง เป็นงานการให้ที่ไม่มีใครเสีย มีแต่ผู้ที่ได้รับทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ให้และผู้รับ แบบ win-win

ทั้งนี้ เพราะในจิตใหญ่ที่ขยายออกของผู้ให้ ได้โอบอุ้มความรักที่แผ่ขยายอยู่ในนั้น เหมือนกิจกรรมอาสาสมัครกิจกรรมหนึ่ง ในช่วงครบรอบ ๑ ปีรำลึกสึนามิ ที่ชื่อว่าโครงการ “อาสามากอด” มูลนิธิกระจกเงาผู้จัดกิจกรรมได้อธิบายความหมายของงานอาสาสมัครนี้ไว้อย่างน่าประทับใจว่า ไม่เพียงผู้ถูกกอด แต่ในการกอด ผู้กอดก็ได้รับความอบอุ่นกลับมา จากการให้ความอบอุ่นนั้น

สิ่งที่ได้รับกลับมาจากการให้ในงานอาสาสมัครเป็นพลังทวีคูณ (Synergy) เพราะรวมเอาพลังของความรักความอบอุ่นที่ดีงามของผู้ให้ซึ่งส่งออกไป เข้ากับความสุขที่ทวีขึ้นของผู้รับ เพราะผู้ให้มาช่วยแบ่งเบาบรรเทาความทุกข์ยากแก่เขา เมื่อสะท้อนกลับมาสู่ผู้ให้อีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นความงดงามที่มากกว่าเดิมหลายเท่า
ในช่วงที่โลกเต็มไปด้วยวิกฤตปัญหานี้ มีโอกาสของการได้เป็นผู้ให้ ด้วยการทำงานอาสาสมัครเช่นนี้อยู่มากหลาย ในอีกแง่มุมหนึ่ง หลายคนอาจจะรู้สึกขอบคุณวิกฤตปัญหา ที่ให้โอกาสในการขัดเกลาพัฒนาจิตใจตนเอง เป็นโอกาสที่อุดมที่จะได้ขยายจิตเล็กสู่จิตใหญ่ที่เติบโตและเติมเต็มยิ่งขึ้น ผ่านงานอาสาสมัครดีๆ เหล่านี้

ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลของโอกาสในการให้ที่ดี เช่น http://www.volunteerspirit.org/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของเครือข่ายจิตอาสา ประกอบด้วยองค์กรอาสาสมัครหลายองค์กรร่วมแรงร่วมใจกัน ประสานงานให้อาสาสมัครได้ไปทำงานช่วยเหลือผู้ประสบกับความทุกข์ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปเลือกงานอาสาสมัครได้มากมายหลายประเภทในหลายพื้นที่

อย่างไรก็ตาม เราควรจะมองไปรอบๆ ตัว ในบ้าน ในชุมชน และที่ทำงานที่เราอยู่ด้วยเช่นกัน บางทีโอกาสของงานอาสาสมัครที่ดีอาจจะอยู่ใกล้ๆ ตัวอย่างที่ไม่ได้คาดคิด เช่น ดูแลรับฟังคนในครอบครัวมากขึ้น หรือปิดไฟที่ไม่ได้ใช้สักดวง แค่เพียงยื่นมือออกไปอีกนิดเดียว เราอาจจะเปลี่ยนแปลงทั้งโลกและตัวเราเองได้มากมายในเวลาเดียวกัน

0 Comments:

Post a Comment



Newer Post Older Post Home