โดย ชลลดา ทองทวี
เครือข่ายจิตตปัญญาศึกษา ContemplativeEducation@yahoo.com
คอลัมน์ ณ พรมแดนแห่งความรู้ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๐
เรามักจะผัดผ่อนเวลาที่จะมีความสุขอยู่เสมอ “เอาไว้งานนี้เสร็จพรุ่งนี้ แล้วจะไปนอนพักผ่อน ฟังเพลงให้สบายใจเลย” หรือเพียงเรื่องง่ายๆ ระหว่างย่างเท้าก้าวเดินจากตึกหนึ่งไปยังอีกตึกหนึ่ง เราอาจจะบอกปลอบใจตัวเองว่า “ร้อนจัง แต่ทนๆ เอาหน่อย เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ไปถึงที่นั่น มีแอร์เย็นๆ ได้ดื่มน้ำสักแก้ว ก็คงจะค่อยยังชั่ว”
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปปฏิบัติภาวนากับท่านติช นัท ฮันห์ ที่เชียงใหม่ เมื่อครั้งที่ท่านมาเมืองไทยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ท่านได้แนะนำให้ผู้ที่เข้าปฏิบัติภาวนาครั้งนั้นลองทำหลายกิจกรรม เช่น
ท่านบอกว่าให้ลองเดิน โดยทุกๆ ก้าวที่ส้นเท้าจรดพื้น ให้เราบอกตัวเองว่า “ฉันมาถึงแล้ว” การถึงที่หมายทุกย่างก้าวช่วยตัดความกังวลใจเรื่องที่หมายที่เราจะมุ่งไป ซึ่งเรามักจะมีอยู่ในใจและหมกมุ่นอยู่กับมันเสมอ เป็นการเอาจิตใจไปไว้กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ในเวลาที่นั่งลง ท่านบอกให้เรานั่งลง ณ ที่นั้นอย่างเต็มเปี่ยม เหมือนนั่งอยู่ในดอกบัวที่งดงาม อ่อนนุ่ม และหอมเย็น ทุกครั้งที่เราได้ยินเสียงระฆัง หรือเสียงโทรศัพท์มือถือ หรือเสียงอะไรที่ดังสะดุดใจเรา และเราอาจจะชอบหรือไม่ชอบใจก็ตาม ให้เราถือโอกาสนั้นในการเจริญสติ กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้า-ออกของตนเองสักสองสามครั้ง ตามดูลมหายใจนั้น โดยไม่ไปควบคุมบังคับอะไร และอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างที่เป็น
ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นและหลังจากนั้น ผู้เขียนได้ลองทำตามที่ท่านนัท ฮันห์ แนะนำอยู่บ่อยๆ และรู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นว่า ชีวิตเรานี้เต็มไปด้วยความเร่งรีบที่จะรุดไปยังที่ใดที่หนึ่งอยู่ตลอดเวลา เรามีแผนการต่างๆ อยู่ในหัว และการก้าวเดินของเรา เป็นการก้าวไปสู่อะไรบางอย่างข้างหน้า ไม่มีแม้สักก้าวหนึ่งที่จะเป็นการก้าวย่างเพื่อตัวมันเอง ที่สมบูรณ์และเป็นคำตอบในตัวเอง
เมื่อลองก้าวเดินดูแบบที่ท่านแนะนำ ผู้เขียนได้เห็นโลกในมุมมองที่เปลี่ยนไป “ทันที” ได้เห็นดอกไม้ทุกดอกที่อยู่ตรงนั้น เห็นแสงและเงาบนเม็ดกรวดเล็กๆ บนถนน สัมผัสความอุ่นของแสงแดดบนผิวกาย เห็นลมหายใจของตนเองในขณะนั้น และได้สัมผัสกับความสุขเรียบๆ ง่ายๆ ที่ยิ่งใหญ่ในเวลานั้นทันที
ประสบการณ์ที่ได้รู้สึกสัมผัส ทำให้ได้เห็นว่า เราทิ้งเวลาดีๆ ในชีวิตไปมากมายและบ่อยครั้ง ทั้งที่มันมีอยู่ให้เราตลอดเวลาด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันขณะ ที่นี่ เดี๋ยวนี้เอง นี่เอง
ผู้เขียนลองนั่งลงแบบที่ท่านนัท ฮันห์ แนะนำ นั่งลงอย่างเต็มเปี่ยม ณ ที่ตรงนั้น เหมือนนั่งอยู่ในดอกบัว เมื่อนั่งเช่นนั้น ผู้เขียนรู้สึกว่า มันเป็นคำตอบในตัวมันเอง ไม่ได้นั่งเพื่อที่จะรออะไรสักอย่าง ไม่ได้นั่ง ก่อนที่จะรีบลุกไปทำอะไรบางอย่าง แต่นั่งลงสัมผัสกับทุกสัมผัสรอบตัวอย่างดื่มด่ำในทุกขณะ ผ่อนคลาย และรื่นรมย์ เหมือนนั่งอยู่ในดอกบัวที่อ่อนนุ่มสวยงามที่โอบอุ้มเราไว้
คิดถึงคำพูดของตัวการ์ตูนเณรน้อยอิ๊กคิวซัง ที่มักบอกว่า “จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน พักเดี๋ยวหนึ่งก่อนนะครับ”
ท่านนัท ฮันห์ อธิบายว่า เราอยู่ในยุคสมัยที่ทุกคนวิ่งไปข้างหน้าตลอดเวลา การที่เราเอาความสุขไว้ภายนอกและวิ่งแข่งกันแสวงหามัน ทำให้เราเหนื่อยและเครียด แต่จริงๆ แล้ว ความสุขที่เราตามหานั้น เราหามันพบได้ในตัวของเราเอง เพียงแค่เราเปลี่ยนมาก้าวเดิน และถึงจุดหมายในทุกก้าว และหยุดพัก นั่งลงอย่างเต็มเปี่ยม โดยไม่รอคอยผัดผ่อนความสุขที่เราอาจจะมีได้ในปัจจุบันขณะออกไป
ท่านกล่าวว่า เรามีนัดหมายที่สำคัญที่สุด คือ การนัดหมายกับชีวิต ซึ่งจะต้องทำในปัจจุบันขณะ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้เท่านั้น เพราะพรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ถึง และเมื่อวานก็ผ่านไปแล้ว
แต่ในความเป็นจริงของชีวิต เรามักจะให้ความสำคัญต่อการนัดหมายอื่นๆ ตลอดเวลา ในสมุดตารางนัดหมายที่แน่นเอี้ยดของเรา ไม่มีสักวินาทีหนึ่ง ที่เราจะเขียนไว้ว่า “มีนัดกับชีวิต” :-)
เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เรามาลองตามดูลมหายใจ กลับมาอยู่กับปัจจุบันอย่างที่เป็น เรามาลองก้าวเดินไปพร้อมกับชีวิต ไม่วิ่งนำหน้า หรือละล้าละลังตามหลังอยู่ตลอดเวลา เรามาลองพักผ่อนในปัจจุบันขณะ ในทุกๆ ที่ ที่เรานั่งลง และไม่ต้องรอคอยวันหยุดในตารางนัดคราวหน้า เพื่อจะได้มีความสุขและพักผ่อนเสียที ทันทีที่เราหยุดผัดผ่อนความสุขในชีวิต ความสุขที่เรารอคอยจึงจะมาถึงเราได้ ณ ที่นี่..และเดี๋ยวนี้..
ลองทำการงานเพียงเพื่อจะทำมัน ให้ชีวิตมาถึงเราต่อหน้า และเผชิญหน้ากับปัจจุบันขณะอย่างเต็มตา สิ่งที่เราเผชิญไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก น่าหวาดหวั่น หรือคุกคามเพียงใด หากเราเดินไปกับชีวิตทุกก้าว ในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนแต่มีพลังของความสดและของการมีชีวิต เราเต็มไปด้วยการตื่นรู้ และเราไม่ได้ใช้ชีวิต แบบแค่คิดเอาว่า เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ฝากความสุขไว้กับอนาคตหรืออดีต แต่เราอยู่กับชีวิตอย่างผู้มีชีวิตที่แท้จริง
บทเรียนจากการปฏิบัติภาวนาครั้งนี้ได้บอกกับผู้เขียนว่า เราจะมีความสุขได้ในชีวิตก็ต่อเมื่อเรานัดพบกับชีวิตในปัจจุบัน และจัดลำดับให้ชีวิต มาอันดับแรกในตารางนัดหมาย เพราะในความเป็นจริง เรามีชีวิตอยู่ ก็แต่ในปัจจุบันขณะเท่านั้น
ขณะที่เราใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะได้อย่างเต็มเปี่ยม และตื่นรู้สัมผัสกับสภาวะของชีวิตอย่างที่เป็นเต็มที่ เราจะไม่พลาดนัดหมายสำคัญ คือ โอกาสเดียวที่เราจะเปลี่ยนแปลงหรือสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ในชีวิตได้ เพราะว่า อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และอนาคตคือสิ่งที่อาจจะไม่มีวันมาถึง ปัจจุบันขณะจึงมีความหมายที่เป็นปาฏิหาริย์ในตัว ภาระงานที่หนักหนายากเย็นอื่นใดที่ครอบครองตารางนัดหมายของเราอยู่ เป้าหมายอื่นใดที่เราทุ่มเทแรงกายและแรงใจที่จะไปให้ถึง ไม่มีอยู่จริง หากปราศจากการนัดหมายลำดับแรก คือการนัดหมายกับชีวิตในปัจจุบันขณะ ดังที่ท่านติช นัท ฮันห์ ได้บอกไว้
Labels: ชลลดา ทองทวี